พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
เข้าสู่ระบบ
หน้าแรก
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ค้นหาข้อมูล
เข้าสู่ระบบ
พระซุ้มระฆัง พิ...
พระซุ้มระฆัง พิมพ์ใหญ่ กรุวัดราชบูรณะ เนื้อชินเงิน ปรอทใสๆ สภาพสวยสมบูรณ์ รับประกันพระเเท้สากลตลอดกาลครับ
วัดราชบูรณะก็เป็นหนึ่งในวัดที่ได้ขุดพบสมบัติล้ำค่าของมหากษัตริย์แห่งกรุงสยามไว้อย่างมากมาย สมัยก่อนวัดราชบูรณะถือเป็นพระอารามหลวงในสมัยอยุธยา ถูกสร้างขึ้นในแผ่นดินของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ หรือ เจ้าสามพระยา ในปี พ.ศ. ๑๙๖๗ ภายหลังที่สมเด็จพระนครินทราธิราชาสวรรคต
โดยเรื่องราวมีอยู่ว่า พระราชโอรสองค์ใหญ่สองพระองค์ คือ “เจ้าอ้ายพระยา” ทรงครองเมืองสุพรรณบุรี และ “เจ้ายี่พระยา” ทรงครองเมืองสรรค์บุรี สองพระองค์เสด็จลงมาชิงพระราชสมบัติกันเอง ทั้งสองพระอางค์ต่างทรงช้างเคลื่อนพลมาปะทะกัน ทรงพระแสงของ้าวต้องพระศอขาดพร้อมกัน ทำให้ “เจ้าสามพระยา” ที่เป็นพระโอรสองค์ที่สามที่เสด็จลงมาจากชัยนาท มาถึงภายหลัง จึงได้เสวยราชสมบัติแทนพระพระเชษฐาทั้งสองพระองค์ โดยพระโอรสองค์ที่สามได้ทรงพระนามว่า “สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒”
เมื่อเจ้าสามพระยาทรงขึ้นครองราชย์แล้ว จึงจัดการถวายเพลิงพระศพ พระเชษฐาธิราชทั้งสองพระองค์พร้อมกัน และสถานที่ที่ถวายพระเพลิงนั้น ก็ทรงอุทิศสร้างพระปรางค์และพระวิหารมีนามว่า "เจดีย์เจ้าอ้ายพระยาเจ้ายี่พระยา" โดยภายในวัดประกอบด้วยองค์ปรางค์ประธาน ซึ่งล้อมรอบด้วยระเบียงคต มีพระวิหารตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก ส่วนพระอุโบสถตั้งอยู่ทางด้านหลังของวัดทางทิศตะวันตกในแนวประธานเดียวกัน
โดยสิ่งที่น่าสนใจของวัดราชบูรณะแห่งนี้ นอกจากสมบัติที่ขุดพบแล้ว ยังมีปรางค์ประธาน ที่มีขนาดสูงใหญ่ ก่อสร้างด้วยศิลาแลงบนฐาสี่เหลี่ยม มีเจดีย์อยู่ทั้งสี่ทิศบันไดขึ้นสู่องค์ปรางค์ทางทิศตะวันออกถือเป็นปรางค์แบบไทยที่นิยมทำฐานสูง ต่างจากปรางค์แบบขอมที่มักมีฐานเตี้ย นอกจากนี้หน้าปรางค์เป็นมุขใหญ่ ยืนออกมาเป็นห้องคูหา ส่วนยอดเรียวแหลมสูง คล้ายฝักข้าวโพด ยอดมีฝักเพกาในขณะที่ขอมไม่มี
และสิ่งยอดฮิตในวัดที่นักท่องเที่ยวมักจะมาเยี่ยมชมนั้นก็คือ กรุมหาสมบัติที่นอนหลับไหลเป็นร้อยปี ภายในปรางค์ประธาน โดยเรื่องราวของการนำไปสู่การค้นพบนั้นมีอยู่ว่า เมื่อประมาณปี 2499 ขณะนั้นกรมศิลปากรได้กำลังทำการบูรณะวัดมหาธาตุอยู่นั้น ก็ได้มีคนร้ายเข้าไปลักลอบขุดกรุมหาสมบัติ โดยได้ความร่วมมือจากข้าราชการและตำรวจบางนายในสมับนั้นเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ในตอนนั้น โจรขุดกรุไปเพียวชั้นเดียว คือชั้นที่1 เท่านั้น แต่ด้วยความบังเอิญทำให้ 1 ในโจรเคาะไปที่พื้น ทำให้ทราบว่าภายใต้พื้นชั้นยังน่าจะมีห้อง ที่คาดว่าจะมีสมบัติซ่อนไว้อยู่ทำให้ทำการขุดลงไปถึงชั้นที่ 3 โดยในชั้นที่ 2 สมบัติที่พบก็ได้ทำการขนย้าย ถ่ายเท ไปให้แก่ผู้สมรู้ร่วมคิด มีหนึ่งในโจร ที่ไม่พอใจกับการแบ่งทรัพย์ จึงได้ดื่มเหล้า เมามาย ไปรำอยู่ในตลาดหัวรอพร้อมกับดาบเล่มสำคัญของพระมหากษัตริย์ อย่างพระแสงขรรค์ชัยศรี ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ภายในตลาด สงสัย และนำไปสู้การจับกุมในที่สุด
โดยสำหรับกรุแต่ละชั้น มีรายละเอียดดังนี้
กรุชั้นบน สูงจากระดับพื้นดินประมาณ 5 เมตร มีลักษณะเป็นกรุสี่เหสี่ยมจัตุรัสขนาดกว้างด้านละ 4 เมตร มีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาตอนต้น มีภาพเทพชุมนุมลอยอยู่บางองค์มีดอกไม้เป็นก้านชูออกไปข้างหน้า ลวดลายเครื่องประดับต่างๆมีลักษณะแบบศิลปะ สุโขทัย และมีรูปกษัตริย์ หรือนักรบจีนองค์หนึ่งสวมชุดเขียวองค์หนึ่งสวมชุดขาว และอีกองค์สวมชุดแดง ภาพแสดงเป็นเรื่องราว
กรุชั้นล่าง อยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 2.20 เมตร มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ1.20 เมตร สูง 2.65 เมตรฝาผนังกรุชั้นล่างเจาะลึกเข้าไปเป็นช่องคูหาทั้ง 4 ด้าน เพดานเขียนลายดาวตรงกลางล้อมรอบด้วยลายและเขียนกรอบด้วยเส้นลวดเขียนเป็นลายเส้นดอกไม้สีแดงปิดทองเป็นวงกลมๆ ผนังเหนือซุ้มคูหาแบ่งเป็น 4 ชั้น ชั้นบนเขียนรูปพระพุทธรูปสลับกับสาวก ผนังซัมคูหา สันนิษฐานว่า เขียนภาพชาดกในพระพุทธศาสนานับได้ 60 ชาติ มีภาพพระโพธิสัตว์ในชาดกต่างๆนั้น มีภาพที่พอเห็นชัดคือภาพโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น นก กวาง ช้าง กาเผือก คนขี่ม้า นกเขา สุนัข และหงส์นอกนั้นเลือนลางภายในห้องกรุชั้นนี้ เคยเป็นสถานที่เก็บสมบัติและของมีค่าไว้มากมาย อาทิ เช่น พระแสงขันธ์มงกุฎ และมงกุฏราชินี เสื้อทองคำ และพระพุทธรูปต่างๆ พระแก้ว พระทองคำ พระนาก เป็นต้น ปัจจุบันสมบัติทั้งหมดที่ถูกค้นพบ ได้ถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
+++ถึงเเม้กรุนี้จะมีพระพิมพ์ขึ้นมามาก เเต่ในปัจจุบันองค์ที่มีสภาพสวยสมบูรณ์ เเละมีผิวปรอทๆทั่วองค์ เริ่มจะพบเจอได้น้อยครับ+++
ผู้เข้าชม
1802 ครั้ง
ราคา
-
สถานะ
ขายแล้ว
โดย
swat
ชื่อร้าน
สุรินทร์ภักดี พระเครื่อง
ร้านค้า
surinpakdee.99wat.com
โทรศัพท์
0870081414
ไอดีไลน์
surinphakdee
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
686-2-299xx-x
เหรียญหลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบู
พระโคนสมอ เนื้อดิน จังหวัดอยุธ
เหรียญพระพุทธชินราช หลวงพ่อปิ่
พระโพธิจักร หลวงพ่อลี วัดอโศกา
เหรียญหลวงปู่ธรรมรังษี วัดพุทธ
ขุนแผนกั่วเผาะ หลวงปู่ชู สำนัก
พระเนื้อดิน หลวงพ่อผาด ปี 2474
พระนางกำแพง เนื้อดิน พิมพ์ลึก
พระสังกัจจายน์ เนื้อผง วัดประส
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
ลงพระฟรี
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ลืมรหัสผ่าน
ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
ep8600
stp253
hra7215
หนึ่งโนนสูง
พีพีพระเครื่อง
peemoney
trairat
jocho
เจริญสุข
เปียโน
แมวดำ99
Art.thanathon
แหลมร่มโพธิ์
chathanumaan
aonsamui
เนินพระ99
apiruk
klun_klui
ยุ้ย พลานุภาพ
fuchoo18
someman
Beerchang พระเครื่อง
Kshop
บ้านพระหลักร้อย
digitalplus
TotoTato
ภูมิ IR
Nenopoohpooh
อ้วนโนนสูง
kaew กจ.
ผู้เข้าชมขณะนี้ 1312 คน
เพิ่มข้อมูล
พระซุ้มระฆัง พิมพ์ใหญ่ กรุวัดราชบูรณะ เนื้อชินเงิน ปรอทใสๆ สภาพสวยสมบูรณ์ รับประกันพระเเท้สากลตลอดกาลครับ
ส่งข้อความ
ชื่อพระเครื่อง
พระซุ้มระฆัง พิมพ์ใหญ่ กรุวัดราชบูรณะ เนื้อชินเงิน ปรอทใสๆ สภาพสวยสมบูรณ์ รับประกันพระเเท้สากลตลอดกาลครับ
รายละเอียด
วัดราชบูรณะก็เป็นหนึ่งในวัดที่ได้ขุดพบสมบัติล้ำค่าของมหากษัตริย์แห่งกรุงสยามไว้อย่างมากมาย สมัยก่อนวัดราชบูรณะถือเป็นพระอารามหลวงในสมัยอยุธยา ถูกสร้างขึ้นในแผ่นดินของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ หรือ เจ้าสามพระยา ในปี พ.ศ. ๑๙๖๗ ภายหลังที่สมเด็จพระนครินทราธิราชาสวรรคต
โดยเรื่องราวมีอยู่ว่า พระราชโอรสองค์ใหญ่สองพระองค์ คือ “เจ้าอ้ายพระยา” ทรงครองเมืองสุพรรณบุรี และ “เจ้ายี่พระยา” ทรงครองเมืองสรรค์บุรี สองพระองค์เสด็จลงมาชิงพระราชสมบัติกันเอง ทั้งสองพระอางค์ต่างทรงช้างเคลื่อนพลมาปะทะกัน ทรงพระแสงของ้าวต้องพระศอขาดพร้อมกัน ทำให้ “เจ้าสามพระยา” ที่เป็นพระโอรสองค์ที่สามที่เสด็จลงมาจากชัยนาท มาถึงภายหลัง จึงได้เสวยราชสมบัติแทนพระพระเชษฐาทั้งสองพระองค์ โดยพระโอรสองค์ที่สามได้ทรงพระนามว่า “สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒”
เมื่อเจ้าสามพระยาทรงขึ้นครองราชย์แล้ว จึงจัดการถวายเพลิงพระศพ พระเชษฐาธิราชทั้งสองพระองค์พร้อมกัน และสถานที่ที่ถวายพระเพลิงนั้น ก็ทรงอุทิศสร้างพระปรางค์และพระวิหารมีนามว่า "เจดีย์เจ้าอ้ายพระยาเจ้ายี่พระยา" โดยภายในวัดประกอบด้วยองค์ปรางค์ประธาน ซึ่งล้อมรอบด้วยระเบียงคต มีพระวิหารตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก ส่วนพระอุโบสถตั้งอยู่ทางด้านหลังของวัดทางทิศตะวันตกในแนวประธานเดียวกัน
โดยสิ่งที่น่าสนใจของวัดราชบูรณะแห่งนี้ นอกจากสมบัติที่ขุดพบแล้ว ยังมีปรางค์ประธาน ที่มีขนาดสูงใหญ่ ก่อสร้างด้วยศิลาแลงบนฐาสี่เหลี่ยม มีเจดีย์อยู่ทั้งสี่ทิศบันไดขึ้นสู่องค์ปรางค์ทางทิศตะวันออกถือเป็นปรางค์แบบไทยที่นิยมทำฐานสูง ต่างจากปรางค์แบบขอมที่มักมีฐานเตี้ย นอกจากนี้หน้าปรางค์เป็นมุขใหญ่ ยืนออกมาเป็นห้องคูหา ส่วนยอดเรียวแหลมสูง คล้ายฝักข้าวโพด ยอดมีฝักเพกาในขณะที่ขอมไม่มี
และสิ่งยอดฮิตในวัดที่นักท่องเที่ยวมักจะมาเยี่ยมชมนั้นก็คือ กรุมหาสมบัติที่นอนหลับไหลเป็นร้อยปี ภายในปรางค์ประธาน โดยเรื่องราวของการนำไปสู่การค้นพบนั้นมีอยู่ว่า เมื่อประมาณปี 2499 ขณะนั้นกรมศิลปากรได้กำลังทำการบูรณะวัดมหาธาตุอยู่นั้น ก็ได้มีคนร้ายเข้าไปลักลอบขุดกรุมหาสมบัติ โดยได้ความร่วมมือจากข้าราชการและตำรวจบางนายในสมับนั้นเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ในตอนนั้น โจรขุดกรุไปเพียวชั้นเดียว คือชั้นที่1 เท่านั้น แต่ด้วยความบังเอิญทำให้ 1 ในโจรเคาะไปที่พื้น ทำให้ทราบว่าภายใต้พื้นชั้นยังน่าจะมีห้อง ที่คาดว่าจะมีสมบัติซ่อนไว้อยู่ทำให้ทำการขุดลงไปถึงชั้นที่ 3 โดยในชั้นที่ 2 สมบัติที่พบก็ได้ทำการขนย้าย ถ่ายเท ไปให้แก่ผู้สมรู้ร่วมคิด มีหนึ่งในโจร ที่ไม่พอใจกับการแบ่งทรัพย์ จึงได้ดื่มเหล้า เมามาย ไปรำอยู่ในตลาดหัวรอพร้อมกับดาบเล่มสำคัญของพระมหากษัตริย์ อย่างพระแสงขรรค์ชัยศรี ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ภายในตลาด สงสัย และนำไปสู้การจับกุมในที่สุด
โดยสำหรับกรุแต่ละชั้น มีรายละเอียดดังนี้
กรุชั้นบน สูงจากระดับพื้นดินประมาณ 5 เมตร มีลักษณะเป็นกรุสี่เหสี่ยมจัตุรัสขนาดกว้างด้านละ 4 เมตร มีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาตอนต้น มีภาพเทพชุมนุมลอยอยู่บางองค์มีดอกไม้เป็นก้านชูออกไปข้างหน้า ลวดลายเครื่องประดับต่างๆมีลักษณะแบบศิลปะ สุโขทัย และมีรูปกษัตริย์ หรือนักรบจีนองค์หนึ่งสวมชุดเขียวองค์หนึ่งสวมชุดขาว และอีกองค์สวมชุดแดง ภาพแสดงเป็นเรื่องราว
กรุชั้นล่าง อยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 2.20 เมตร มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ1.20 เมตร สูง 2.65 เมตรฝาผนังกรุชั้นล่างเจาะลึกเข้าไปเป็นช่องคูหาทั้ง 4 ด้าน เพดานเขียนลายดาวตรงกลางล้อมรอบด้วยลายและเขียนกรอบด้วยเส้นลวดเขียนเป็นลายเส้นดอกไม้สีแดงปิดทองเป็นวงกลมๆ ผนังเหนือซุ้มคูหาแบ่งเป็น 4 ชั้น ชั้นบนเขียนรูปพระพุทธรูปสลับกับสาวก ผนังซัมคูหา สันนิษฐานว่า เขียนภาพชาดกในพระพุทธศาสนานับได้ 60 ชาติ มีภาพพระโพธิสัตว์ในชาดกต่างๆนั้น มีภาพที่พอเห็นชัดคือภาพโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น นก กวาง ช้าง กาเผือก คนขี่ม้า นกเขา สุนัข และหงส์นอกนั้นเลือนลางภายในห้องกรุชั้นนี้ เคยเป็นสถานที่เก็บสมบัติและของมีค่าไว้มากมาย อาทิ เช่น พระแสงขันธ์มงกุฎ และมงกุฏราชินี เสื้อทองคำ และพระพุทธรูปต่างๆ พระแก้ว พระทองคำ พระนาก เป็นต้น ปัจจุบันสมบัติทั้งหมดที่ถูกค้นพบ ได้ถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
+++ถึงเเม้กรุนี้จะมีพระพิมพ์ขึ้นมามาก เเต่ในปัจจุบันองค์ที่มีสภาพสวยสมบูรณ์ เเละมีผิวปรอทๆทั่วองค์ เริ่มจะพบเจอได้น้อยครับ+++
ราคาปัจจุบัน
-
จำนวนผู้เข้าชม
1803 ครั้ง
สถานะ
ขายแล้ว
โดย
swat
ชื่อร้าน
สุรินทร์ภักดี พระเครื่อง
URL
http://www.surinpakdee.99wat.com
เบอร์โทรศัพท์
0870081414
ID LINE
surinphakdee
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกสิกรไทย / 686-2-299xx-x
กำลังโหลดข้อมูล
หน้าแรกลงพระฟรี